Okinawa 2020 : 1

สวัสดีค่ะทุกคน เนย ค่ะ ไม่ได้เข้ามาอัพบล็อกนานมากเลยนะคะ ช่วงที่ผ่านมาเนยค่อนข้างยุ่งกับเรื่องทำเรื่องเรียนจบปริญญาโทเลยค่อนข้างวุ่นๆและการสอบของม.สุโขทัยด้วย ไม่ทันไรก็เข้าเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 แล้ว ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเนยได้ไปเที่ยว โอกินาว่า ที่ญี่ปุ่นมาค่ะเนื่องจากเราเรียนจบแล้ว พ่อแม่เลยอนุญาตให้ไปเที่ยวได้ตามที่ต้องการค่ะ 💕

ก่อนอื่นขอใส่หน้ากากอนามัยแป๊บช่วงนี้ฝุ่น PM2.5+เชื้อไวรัสโคโรน่าระบาด เฮ้อ เซ็งจริงๆค่ะ

ถ่ายกับจุด Checkpoint ประจำของสนามบิน
น้ำองุ่นขาวผสมน้ำพีช หอมๆอร่อย ดื่มบนเครื่องค่ะ อ้อ เราลืมบอกไปว่าเราบินกับ Peach Airline ค่ะ

ลงจากเครื่องก็เข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็พากันเดินหาอาหารเช้ากันในอาคารสนามบินซึ่งก็มีให้เลือกเยอะแยะราคาก็ไม่แพงอะไร กินอาหารเสร็จก็เดินดูของช้อปปิ้งกัน

โซบะกระดูกหมูของขึ้นชื่อของโอกินาว่าค่ะ ที่โอกินาว่ามีของขึ้นชื่อเรื่องเนื้อหมูอากู ที่เป็นเนื้อหมูของดีประจำจังหวัด
ไอติมมันม่วง ของขึ้นชื่อของโอกินาว่า อร่อย นัวๆหอมๆ ค่ะ
เช็คสภาพอากาศแล้ว อากาศดีจนน่าโมโหกรุงเทพฯ
มันม่วง มีอยู่ทุกที่ในโอกินาว่าค่ะ อันนี้เป็นทาร์ตมันม่วงที่เป็นของฝากขึ้นชื่อของโอกินาว่า
อันนี้เป็นแฟนต้ารสส้มชื่อว่า シークワーサー ไม่รู้เหมือนกันว่าอ่านว่าอะไรแต่ว่าลองดื่มดูแล้วรสชาติเหมือนส้มเช้งบ้านเรามากเลย แต่แฟนต้าที่นี่เราว่าเค้าอัดลมน้อยกว่าบ้านเรานะคะ
เหนื่อยและเพลีย คือ อยากนอนมากๆ

หลังจากที่เสียเวลาในากรติดต่อจองคิวรถทัวร์เพื่อจะได้เข้าไปในตัวเมือง (คือวันแรกก็เสียเวลาไปเกือบทั้งวันเพราะอยู่แต่ในสนามบินนี่แหละ) เราก็ได้ออกไปเที่ยวนอกสนามบินซะที

นี่เป็นบรรยากาศในเมืองที่เราถ่ายรูปผ่านกล้องจากในรถทัวร์นะคะ เลยออกมาแปลกๆหน่อยว่าทำไมเป็นสีฟ้า
บัตรโดยสารรถทัวร์ค่ะ


ไปเที่ยวที่แรกคือมรดกโลกนาม สุสานกษัตริย์ทามะอุดุน ค่ะ เป็นสุสานสร้างด้วยหิน เกริ่นก่อนว่า โอกินาว่าเนี่ยเมื่อก่อนใช้ชื่อว่า อาณาจักรริวกิว เป็นอาณาจักรที่อยู่กึ่งกลางระหว่างจีนและญี่ปุ่น เป็นเหมือนกึ่งอาณาจักรที่แยกตัวออกมาต่างหากจากญี่ปุ่น วัฒนธรรมส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลมาจากจีนค่อนข้างเยอะ (เกาะอยู่ในช่วงกึ่งกลางระหว่างไต้หวันกับญี่ปุ่น) พึ่งมารวมเป็นหนึ่งกับญ๊่ปุ่นเมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เองค่ะ (พูดไปแล้วอารมณ์เหมือนเขตเกิดใหม่เลย…) อารยธรรมที่นี่จึงมีความคล้ายจีนมากกว่าจะเป็นญี่ปุ่นค่ะ สรุปคือ Mix&Match นั่นแหละ ทามะอุดุนเป็นคำผสมระหว่างภาษาญี่ปุ่นและภาษาท้องถิ่นของที่นี่ คนที่โอกินาว่าบางทีก็พูดภาษาท้องถิ่นผสมกับภาษาญี่ปุ่นปัจจุบันค่ะ สำเนียงก็ไม่เหมือนกับคนญี่ปุ่นทั่วไปพูด (อารมณ์บ้านเราที่พูดภาษากลางผสมภาษาถิ่น อะไรทำนองนี้)

อันนี้ป้ายหน้าทางเข้าสุสานกษัตริย์ทามะอุดุนค่ะ ทามะ (玉)มาจากคำว่า 魂 (たましい) Tamashii ที่แปลว่าจิตวิญญาณค่ะ
อันนี้เป็นบัตรเข้าชมภายในสุสานกษัตริย์ค่ะ
บรรยากาศภายในสุสานกษัตริย์ค่ะ เหมือนกับในเกมเลย (ติดแม่เรามาหน่อยนึงด้วยค่ะ 5555+)
ส่วนตัวเราเป็นคนชอบถ่ายภาพพาโนราม่าค่ะ


หลังจากที่เดินในปราสาทมาซักพัก เราก็เดินทางไปที่ ปราสาทชูริ ซึ่งเป็นจุด Check-in อีก1ที่ของโอกินาว่าค่ะ ใครไม่มาถือว่ามาไม่ถึงโอกินาว่า ที่เมื่อต้นปีมีข่าวเรื่องของเหตุเพลิงไหม้ที่ค่อนข้างใจหาย

สาวชาวโอกินาว่าแต่งตัวเป็นแบบเจ้าหญิงชนชั้งสูงในสมัยก่อนมาถ่ายรูปกับเธอได้ค่ะ
ประตูทางเข้าปราสาทชูริค่ะ เหมือนอยู่จีนมากกว่าอยู่ญี่ปุ่นเนอะ


เดินลึกเข้าไปแล้วอย่าคิดว่าแค่นี้นะคะ ยังค่ะ ยังต้องเดินลึกเข้าไปอีกค่ะ 555555+

อันนี้เป็นประตูวังชั้นกลางค่ะ
ตัวซีซ่า สิงโตจีนแบบสไตล์โอกินาว่า ที่จริงต้องมีเป็นคู่ตัวนึงอ้าปาก(ปล่อยความทุกข์)ตัวนึงหุบปาก (อมความสุข)

บรรยากาศเหมือนอยู่ในเกมจริงๆนั่นแหละ

ถึงทางเข้าวังข้างในแล้วค่ะ โอย…..เหนื่อย 55555+ (หัวเราะจนเป็นบ้าไปแล้ว) ประตูวังด้านใน ข้างในนี่แหละที่ยังมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่หลังจากที่เหตุการณ์ไฟไหม้ ข้างในมีจุดชมวิวที่เป็นป่าธรรมชาติที่ร่มรื่นมากค่ะ รู้สึกสดชื่น

ยังบูรณะอยู่เลย น่าเสียดาย
น่าเสียดายจริงๆนั่นแหละ
บรรยากาศสวนในวังค่ะ ร่มรื่นดีมากเลย
บรรยากาศของโอกินาว่าที่มองผ่านจุดชมวิวค่ะ
ดอกชบา ดอกไม้ที่เจอบ่อยๆที่โอกินาว่าค่ะ
ไอติมสับปะรด ของขึ้นชื่ออีกอย่างของโอกินาว่า เหนื่อยๆได้กินแล้วสดชื่นดีมากค่ะ อารมณ์เหมือนนมเปรี้ยวรสสับปะรดเลย

หลังจากนั้นพวกเราต้องเดินลงไปที่จุดจอดรถอีกที่นึงซึ่งต้องเดินลงเขาไปร่าวมๆ 360 เมตร ค่ะเราเขียนไม่ผิดหรอกค่ะ 360 คือการเดินที่ทรหดที่สุด เฮ้อ……เราไม่รู้จะพูดยังไงดี เดินก็เดินค่ะ เค้าว่ากันว่ามันเป็นทางเดินที่กษัตริย์ของอาณาจักรริวกิวเคยใช้เดินตรวจตราบ้านเมืองในสมัยก่อนค่ะ

ที่นี่ซากุระเริ่มบานแล้ว
ดอกไม้ริมทาง
คุณพ่อเราถ่ายรูปที่หน้าบ้านคนแถวนั้นค่ะ เห็นว่าเป็นแกลอรี่แผ่นเสียง เป็นบาร์เล็กๆแถวๆนั้น
น้องแมวที่อยู่แถวๆนั้น น่ารักดีค่ะ ทำให้หายเหนื่อยเลย
ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไร แต่น่ารักดีค่ะ
ป้ายรถเมล์ ร่มรื่นสบายตาดีค่ะ

หลังจากที่เดินลงมาจากยอดเขาอย่างทุลักทุเลเราก็ได้มาสถานที่สุดท้ายของวันกันแล้วนั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวัฒนธรรมของโอกินาว่า ค่ะ

ชุดของราชินีแห่งอาณาจักรริวกิว ได้รับอิทธิพลมาจากจีนค่อนข้างเยอะค่ะ
ชุดของขุนนางในราชสำนัก สีของหมวกและเสื้อคลุมจะเป็นการแบ่งชนชั้นขุนนาง หมวกสีแดงคือขุนนางชั้นผู้น้อย หมวกสีเหลืองคือขุนางระดับกลางและหมวกสีม่วงลายๆคือขุนนางชั้นสูงค่ะ
ซันชิ หรือ ซามิเซ็น เป็นเครื่องดนตรีที่คนโอกินาว่าใช้ในการร้องเพลงโบราณ ตอนที่เนยเดินในเมืองก็เจอคนเล่นซันชิตามพวกร้านอาหารเยอะค่ะ) ซันชิคือภาษาเรียกซามิเซ็นแบบเวอร์ชั่นของโอกินาว่า
ซันชิแบบต่างๆ
วิถีชีวิตของชาวโอกินาว่าสมัยโบราณ
ไม่แน่ใจว่าเป็นหิ้งอะไรแต่น่าจะเป็นหิ้งบูชาบรรพบุรุษ
อันนี้น่าจะเป็นพวกของเซ่นไหว้เทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวโอกินาว่า
เหมือนเกี้ยวแห่ศาลประจำเขตในสมัยก่อนค่ะ
บรรยากาศภายนอกพิพิธภัณฑ์ค่ะ

ช่วงค่ำพวกเราไปกิน ราเม็งข้อสอบ ที่เป็นของขึ้นชื่อของโอกินาว่าแต่ทางเดินไปไกลมากแล้วอาจารย์ก็พาเราวกไปวนมาเดิน โมโหหิวด้วย+เหนื่อยก็เหนื่อย อยากอาบน้ำปวดขา อารมณ์ตอนนั้นคือดาวน์มาก โมโหทุกอย่างไปหมด ถึงราเม็งอร่อยก็จริงแต่เจออะไรแบบนี้ก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว

นั่งรถ Monorail รถไฟฟ้าของโอกินาว่าแล้วยังต้งเดินเท้าไปอีก ไม่ให้โมโหหิวแล้วให้เรียกว่าอะไรอ่ะ ตอนนั้นคืออยากกลับบ้านมาก
หน้าตาของ ราเม็งข้อสอบ ค่ะ ที่นั่งจะเป็นแบบรูปของคูหาแล้วมีกระดาษให้ติ๊กการทำเส้นราเม็งและพวกท็อปปิ้ง (เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้ขอโทษด้วยค่ะ)

ก็……จบไปสำหรับทริปโอกานาว่าวันแรก ในวันนั้นก็กลับมาโรงแรมในสภาพที่ขาร้าวและเพลียมาก สุดท้ายก็คิดอะไรไม่ออก กลับมาโรงแรมเปิด Netflix ดูแล้วก็หลับไป แค่นั้นจริงๆ เดี๋ยววันพรุ่งนี้เราจะมาต่อตอนที่ 2 นะคะ สำหรับวันนี้เนยต้องขอตัวลาไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ

ใส่ความเห็น